ฮอนด้า ประกาศความพร้อม สานต่อการดวลวงสวิงนักกอล์ฟหญิงระดับโลก ในรายการ “ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2020”

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับไอเอ็มจี ประกาศความพร้อมในการแข่งขันกอล์ฟสตรี ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2020 ศึกดวลวงสวิงหญิงรายการใหญ่ระดับโลกที่มีนักกอล์ฟหญิงชั้นนำจากทั่วโลกรวม 70 คน ร่วมลงแข่งขัน เพื่อชิงเงินรางวัลรวมสูงกว่า 53 ล้านบาท ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-23 กุมภาพันธ์ 2563 ณ สยามคันทรีคลับ พัทยา โอลด์คอร์ส  จ.ชลบุรี พร้อมสานต่อความสำเร็จกับกิจกรรม Road to Honda LPGA Thailand เพื่อเพิ่มศักยภาพวงการกีฬากอล์ฟไทย อีกทั้งขานรับยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวเชิงกีฬาของประเทศไทย  ในการเป็น Sustainable Golf Tournament  โดยเน้นการจัดการแข่งขันที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืน  รวมถึงการเป็นทัวร์นาเมนต์ที่จะช่วยสร้างโอกาสให้กับนักกอล์ฟไทยในการทำผลงาน เพื่อทำอันดับโลกให้ดีที่สุด ก่อนการลงแข่งระดับโอลิมปิก 2020 ต่อไป 

นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ปีนี้ เรายังคงจัดการแข่งขัน ภายใต้แนวคิด “สานฝันอันยิ่งใหญ่” (Dream Big) และยังคงมุ่งหวังให้ ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ เป็นเวทีสำคัญที่มีส่วนในการสร้างแรงบันดาลใจและความรักในกีฬากอล์ฟให้แก่นักกอล์ฟ บุคคลทั่วไป รวมทั้งเยาวชนที่สนใจมีความฝันในการเล่นกอล์ฟ เพราะฮอนด้าเชื่อเสมอใน ‘พลังแห่งความฝัน’ หรือ ‘The Power of Dreams’ ถ้าเรามุ่งมั่นเดินตามความฝันและตั้งใจ ความฝันสามารถเป็นจริงได้”

“สำหรับในปีนี้ จะมีผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 70 คน ประกอบไปด้วยโปรกอล์ฟ 56 คน ที่อยู่ในการจัดอันดับของแอลพีจีเอทัวร์ (LPGA Priority List) แชมป์จากการแข่งขันรายการ 2020 Diamond Resorts Tournament of Champions แชมป์จากการแข่งขันรายการ 2020 Gainbridge LPGA at Boca Rio แชมป์จากการแข่งขันรายการ 2020 ISPS Handa Vic Open แชมป์จากการแข่งขันรายการ 2020 ISPS Handa Women’s Australian Openนักกอล์ฟรับเชิญ 8 คน พร้อมด้วยแชมป์นักกอล์ฟสัญชาติไทยจากการคัดเลือกในรอบ National Qualifiers อีก 1 คน และพิเศษสำหรับปี 2020 นี้ เราได้ให้สิทธิ์ในการเข้าร่วมการแข่งขันแก่แชมป์จากรายการ Women’s Amateur Asia Pacific (WAAP) ที่กำลังจะมาจัดการแข่งขันที่ประเทศไทยเป็นปีแรก ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งมี ‘น้องจีน-อาฒยา ฐิติกุล’ นักกอล์ฟสาวชาวไทย เป็นอดีตแชมป์เก่ารายการนี้ เชื่อว่าการแข่งขันนี้จะทำให้ แฟนกอล์ฟชาวไทยได้ลุ้น เหมือนเป็นการอุ่นเครื่องส่งแรงเชียร์นักกอล์ฟไทยก่อนการแข่งขัน ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2020” นายพิทักษ์กล่าว

นายพิทักษ์ เผยถึงความสำเร็จที่ผ่านมาว่า “ในทุกๆ ปี เรามีผู้เข้าชมการแข่งขันเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสามารถระดมเงินจากกิจกรรมการกุศลต่างๆ ที่จัดขึ้นตลอดทัวร์นาเมนต์ โดยให้ผู้เข้าชมได้มีส่วนร่วม อาทิ Charity Night, Beat-the-Pro, Chip-4-Charity เป็นต้น ซึ่งเราได้นำเงินที่ได้ไปสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสังคม ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ได้จัดควบคู่ทัวร์นาเมนต์มาโดยตลอด อาทิ การบริจาคหนังสือ อุปกรณ์การเรียน สื่อการสอน และคอมพิวเตอร์เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ รวมถึงการสมทบทุนบริจาคแก่ศิริราชมูลนิธิ”

นายวิบูณ จำปาเงิน ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและพัฒนากีฬาอาชีพ การกีฬาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “หลังจากในปี 2016 กีฬากอล์ฟได้ถูกบรรจุในการแข่งขันโอลิมปิก เกมส์ ฤดูร้อนที่ประเทศบราซิล ทำให้ความนิยมในกีฬาชนิดนี้เพิ่มสูงขึ้น โดยในปี 2020 ที่จะถึง โอลิมปิก เกมส์ จัดขึ้นที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น  ซึ่งจะมีการแข่งขันกีฬากอล์ฟชิงสองเหรียญทอง ในประเภทบุคคลชายและบุคคลหญิง ระหว่างปลายเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคม 2020 ทางการกีฬาแห่งประเทศไทยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการแข่งขัน กอล์ฟ ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2020 ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2020 จะเป็นทัวร์นาเมนต์ที่ช่วยสร้างโอกาสให้แก่นักกอล์ฟไทย ในการทำผลงานเพื่อทำอันดับโลกให้ดีที่สุด ซึ่งเรามีเชื่อมั่นว่านักกอล์ฟไทยทุกคน จะมุ่งมั่นในการทำผลงานให้ดีที่สุดในฐานะตัวแทนของประเทศไทย” 

นอกเหนือจากทัวร์นาเมนต์ที่จะขับเคี่ยวกันอย่างเข้มข้นและมีความสนุกสนานแล้ว สำหรับปีนี้ ยังได้สานต่อความสำเร็จอย่างต่อเนื่องกับกิจกรรม Road To Honda LPGA Thailand ซึ่งได้ร่วมมือกับการกีฬาแห่งประเทศไทย จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนากีฬากอล์ฟในประเทศไทยแบบองค์รวม ประกอบด้วย การแข่งขัน Honda LPGA Thailand National Qualifiers เพื่อเฟ้นหานักกอล์ฟสาวไทยมือหนึ่งที่จะได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ต่อไป งานสัมมนา  Young Ambassadors เพื่อให้ความรู้ด้านการจัดการแข่งขันกีฬากอล์ฟ โดยเยาวชนที่เข้าร่วมการสัมมนาจะได้รับโอกาสในการคัดเลือกไปฝึกงานกับอีเว้นท์กอล์ฟในประเทศต่างๆ  รวมทั้ง งานสัมมนา Golf Leaders Conference เพื่อสนับสนุน ส่งเสริมให้บุคลากรและผู้ปฏิบัติงานในวงการกอล์ฟ ได้มาร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ ในการบริหารจัดการเพื่อการพัฒนาวงการกีฬากอล์ฟในประเทศไทยต่อไปอย่างยั่งยืน โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากวงการกอล์ฟระดับโลกทั้ง The R&A, LPGA และ IMG ร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมหลากหลายที่ได้จัดขึ้นควบคู่กับทัวร์นาเมนต์ อาทิ กิจกรรม Honda LPGA Thailand   Junior Golf Clinic โดยเป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้นักกอล์ฟเยาวชนไทย เข้ามาเรียนรู้ในกีฬากอล์ฟจากนักกอล์ฟผู้เข้าแข่งขัน ถือเป็นการผลักดันและส่งเสริมนักกอล์ฟเยาวชนให้มุ่งมั่นทำตามความฝันในการเป็นนักกอล์ฟอาชีพ

สำหรับความพร้อมในการต้อนรับนักกอล์ฟจากทั่วโลก นายรณกิจ เอกะสิงห์ รองนายกเมืองพัทยา กล่าวว่า“เมืองพัทยามีความพร้อมอย่างยิ่งในการต้อนรับนักกอล์ฟและแฟนกีฬากอล์ฟจากทั่วโลก ในการจัดการแข่งขัน ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2020 ซึ่งจัดขึ้นที่สนามกอล์ฟ ‘สยามคันทรีคลับ พัทยา โอลด์คอร์ส’ มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2007 ซึ่งสนามนี้เป็นสนามที่สวยงามและได้มาตรฐานระดับภูมิภาค โดยติด 1 ใน 100 ของ The World’s 100 Greatest Golf Course 2018 โดยการจัดอันดับของกอล์ฟไดเจสท์ และยังเป็น The Best Maintained Golf Course in Asia Pacific ของ Asia Golf Week อีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีการคมนาคมที่สะดวกสบาย โรงแรมที่พักชั้นนำ สถานที่ท่องเที่ยวอันสวยงาม การให้บริการที่ดีเยี่ยม รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานต่างๆ ที่จะสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้มาเยือนได้อย่างแน่นอน”

นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “เรายังคงให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ Sport Tourism และเล็งเห็นถึงการเติบโตและบทบาทของกีฬากอล์ฟในการส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและกีฬาของประเทศไทย  โดยปี 2561 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวประมาณ 38 ล้านคน โดยเป็นนักท่องเที่ยวกอล์ฟประมาณ 470,000 คน ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศครอบคลุมทั้งทางด้านที่พักระยะยาว อาหาร และกลุ่มตลาดครอบครัวที่มาพร้อม ๆ กัน ประมาณ 6.3 พันล้านบาท นอกจากนี้ การที่ประเทศไทยมีสนามกอล์ฟที่ได้มาตรฐานระดับโลกถึง 300 แห่ง มีความพร้อมในการจัดการแข่งขันกีฬากอล์ฟและให้การต้อนรับนักกีฬากอล์ฟจากทั่วโลก  รวมถึงมีนักกอล์ฟหลายคนที่ประสบความสำเร็จ สร้างแรงบันดาลใจและเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคนรุ่นใหม่ ซึ่งถือเป็น Brand Ambassadors ช่วยประชาสัมพันธ์ประเทศไทยไปทั่วโลก อาทิ ‘โปรโม-โมรียา’ และ ‘โปรเม-เอรียา จุฑานุกาล’ จึงเชื่อมั่นได้ว่าจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้าสู่ประเทศไทยมากขึ้น และมีส่วนช่วยในการส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศให้ก้าวหน้าต่อไป”

ด้าน มิสวินนี่ เฮง รองประธานและกรรมการผู้จัดการ ไอเอ็มจี ประเทศไทย ผู้จัดการแข่งขัน กล่าวว่า “การร่วมมือกันระหว่างฮอนด้า ไอเอ็มจี และแอลพีจีเอ จะทำให้การจัดการแข่งขัน ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์
มีมาตรฐานระดับสากลอย่างต่อเนื่อง เรามีความภูมิใจที่ปัจจุบันทัวร์นาเมนต์นี้ ก้าวขึ้นเป็นทัวร์นาเมนต์การแข่งขันกอล์ฟสำคัญของโลก โดยในปีนี้ เรามีเงินรางวัลจำนวน 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 53 ล้านบาท เพื่อมอบให้แก่นักกอล์ฟในศึก ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2020 เหมือนในปีที่ผ่านมา ที่สำคัญคือในปีนี้
เราได้ร่วมกับสปอนเซอร์และพันธมิตรต่างๆ มุ่งเน้นการจัดการแข่งขันแบบยั่งยืน โดยได้วางแผน Sustainability Plan เช่น การมุ่งลดการใช้พลาสติก การใช้ภาชนะที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติสำหรับอาหารและเครื่องดื่ม และการจัดการขยะ (Waste Management) โดยการแยกขยะและเพิ่มจุดทิ้งขยะในสนาม ซึ่งเราจะรณรงค์ผ่านทางสื่อต่างๆ เพื่อให้ผู้เข้าชมการแข่งขันร่วมมือกัน ด้วยความตั้งใจให้ ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2020 เป็นทัวร์นาเมนต์ที่เป็น Sustainable Golf Tournament”